Impossible Trip รักครั้งนี้ขอยกหัวใจให้คุณชายขี้เก๊ก - นิยาย Impossible Trip รักครั้งนี้ขอยกหัวใจให้คุณชายขี้เก๊ก : Dek-D.com - Writer
×

    Impossible Trip รักครั้งนี้ขอยกหัวใจให้คุณชายขี้เก๊ก

    ฉันไม่คิดเลยว่าการที่ให้สองคณะนี้มาร่วมทริปด้วยกันจะทำให้เกิดความวุ่นวายได้มากขนาดนี้!!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    435

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    435

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 59 / 19:56 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    INTRO

                 “ยัยพิมพ์ ยัยนิ ฉันเริ่มรู้สึกไม่ชอบเด็กคณะบริหารแล้วว่ะ เมื่อกี้แกเห็นป่ะตอนเดินสวนกันเมื่อกี้พวกนั้นทำหน้าแบบ...หาเรื่องมากอ่ะ”

                 “เค้าคงเครียดเรื่องเรียนแหละ ไม่ก็กำลังหงุดหงิดอย่าคิดมากสิเนย”ยัยนิผู้หญิงโลกสวย ที่มองโลกในแง่ดีเสมอเอ่ยขึ้น

                 “แกก็รู้นี่นิว่าเรากับเขาไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

                 “ชั่งมันเถอะเนยฉันว่า เราอย่าไปยุ่งกับคณะลูกคุณหนูเลยจะดีกว่านะ”

                ใช่แล้วล่ะ ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ คณะลูกคุณหนูที่ฉันพูดถึงก็คือคณะบริหารเนี่ยแหละ เพราะว่าเด็กที่เข้าคณะนี้มีแต่ลูกคุณหนูทั้งนั้นเลยด้วยความที่ว่ามหาลัย Ocean แห่งนี้ค่าเทอมแพงมาก ซึ่งแต่ละปีจะมีจำนวนนักศึกษาไม่เกิน 80 คนต่อคณะแล้วในแต่ละปีก็จะมีนักเรียนทุนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสอบเข้ามาได้ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น คงไม่แปลกหรอก(มั้ง)ที่จะมีพวกที่หยิ่ง มองจิกเวลาเจอเด็กคณะอื่นโดยเฉพาะคณะมนุษยศาสตร์(ที่มีนักเรียนทุนมากกว่าคณะอื่น) ที่มีเรื่องบาดหมางกันมาตั้งแต่สร้างแคนทีนของแต่ล่ะคณะเสร็จ แต่คณะมนุษย์กับคณะบริการดันได้มาใช้แคนทีนเดียวกัน เหตุผลเพราะว่าแคนทีนของคณะฉันดันยังใช้ไม่ได้เพราะเกิดปัญหาอะไรสักอย่างตอนที่เปิดเทอมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พวกเราเลยต้องไปใช้แคนทีนร่วมกับคณะบริหารเพราะมันอยู่ใกล้กับคณะเรามากที่สุด ซึ่งแค่วันแรกคณะมนุษย์ก็ดันไปทำเรื่องบ้าๆบอๆใส่เด็กบริหารอย่างเข้าไปเล่นมุขเสี่ยวขอเบอร์ เพื่อที่จะจีบ แต่ก็อย่างว่าแหละพวกลูกคุณหนูจะมาสนใจอะไรกับพวกบ้านๆล่ะ เด็กบริหารเลยเอาน้ำสาดหน้าแล้วพูดประมาณว่า

     

                หน้าแบบเนี่ยพวกฉันไม่สนหรอก อย่าคิดนะว่าพวกฉันจะสนใจพวกที่อยู่คณะบ้านๆแบบเนี่ย

     

                ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ถูกกันอีกเลย มันชั่งเป็นเหตุผลที่ดูบ้าๆใช่มั้ยล่ะคะ ก็นะถ้าดูถูกเฉพาะพวกที่มาจีบจะไม่ว่าเลย แต่นี่เล่นดูถูกทั้งคณะคนอื่นๆที่ได้ยินก็คงจะโมโหไม่แพ้กันแหละ 

                 ฉันเคยคิดนะว่าถ้าทั้ง 2 คณะ มีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันหรือต้องเจอกันบ่อยๆโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จะเป็นยังไง แต่... เรื่องแบบนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก(มั้ง)

                 “เห้ยพิมพ์ ฉันชอบว่ะ คณะลูกคุณหนู หรอเจ๋งว่ะฉันขอยืมไปใช้บ้างแล้วกัน ฮ่าๆๆๆยัยเนยหัวเราะชอบใจ “แต่มันอดไม่ได้นี่หว่า เห็นหน้าพวกนั้นแล้วมันขึ้น”

                 “เออ ฉันรู้ ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันแหละ แต่จะทำไงได้ล่ะยังไงมันก็ต้องเจอกันอยู่ดี” ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีมันมีบางวิชาที่เราต้องใช้ตึกเรียนร่วมกันอะนะ

                 “พิมพ์ เนย นี่ก็ใกล้เวลาประชุมแล้วนะ ไม่รีบไปกันหรอเดี๋ยวหอประชุมคณะก็ปิดก่อนพอดี”

                 “นั่นสิ เลิกสนใจเรื่องของคณะบริหารจะดีกว่า หอประชุมปิดขึ้นมาเดี๋ยวจะไม่รู้ข่าวสาร” ฉันบอกก่อนที่จะเก็บของที่วางบนโต๊ะหินอ่อน แล้วเดินออกไป

     

                 @ หอประชุมคณะมนุษยศาสตร์

                 หอประชุมอเนกประสงค์ที่เหมือนจะเป็นโรงละครเวทีซะมากกว่า เพราะด้านนอกทำจากหินอ่อนทั้งหลังสไตล์โรมัน ด้านในมีเก้าอี้โซฟาที่ทำเหมือนกับในโรงภาพยนตร์เรียงต่อกันเป็นแถวยาว มีเครื่องปรับอากาศทุกๆ 3 เมตร ด้านหน้าสุดเป็นเวทีที่ทำจากไม้ปาเก้มันวาวอย่างกับว่าถ้าใครได้ขึ้นไปเดินบนนั้นถ้าไม่ระวังก็อาจจะลื่นได้โดยไม่รู้ตัวเลยล่ะ

                 แล้วที่นี้ยังมีตัวเซ็นเซอร์เวลาที่ถูกตั้งไว้ว่าถ้าเข้าหอประชุมหลังเวลาที่กำหนด 10 นาทีล่ะก็มันจะปิดประตูหอประชุมลง ซึ่งหมายความว่าถ้ามีการนัดประชุมตอนไหนจะต้องมาก่อนเวลาหรือไม่ก็มาหลังเวลาได้ไม่ให้เกิน 10 นาที เพราะมันเป็นการสอนให้ทุกคนรู้จักตรงเวลา แล้วตอนนี้พวกเราก็...

                 “ไอ้พิมพ์เร็วๆดิว่ะ ประตูใกล้จะปิดแล้วเนี่ย” ยัยเนยตะโกนมาทางฉันที่ตอนนี้วิ่งหอบมาด้วยความเหนื่อยอย่างแรง

                 “ใครใช้ให้แกลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องเรียนล่ะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ใช่นักกีฬาแบบแกนะเว้ย แฮกๆๆๆ”

                 ตอนแรกพวกเราก็มาหอประชุมก่อนแล้วอ่ะนะ แต่ไอ้เนยมันดันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องเรียนเลยต้องวิ่งกลับไปเอานี้ก็เลยเวลาประชุมมาแล้ว 5 นาทีเนี่ย

                 “แกไม่ต้องมาพูดเลย ดูอย่างยัยนิสิมันยังไม่เห็นบ่นเลย”

                 “พอดีนิชอบวิ่งน่ะ”ยัยนิจากที่เงียบมานานก็พูดขึ้นบ้าง

                 “พวกแกไม่ต้องมาพูดเลย แฮก ฉันไม่ชอบออกกำลังกายพวกแกก็รู้ แฮก เข้าไปกันได้แล้ว”

                 มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากจากการวิ่งไปกลับระหว่างหอประชุมกับตึกเรียน ซึ่งฉันเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย เลยไม่ชอบวิชาพละมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว เรื่องว่งเรื่องวิ่งอะหรออย่ามาถามฉันเลยแค่ 50 เมตรก็เหนื่อยแล้ว

                ตอนนี้พวกเราก็เข้ามาสู่หอประชุมเรียบร้อยแล้วค่ะ หลังจากที่ประตูปิดไล่หลังพอดี เรียกได้ว่าเส้นยาแดงผ่าแปดเลยทีเดียว

                 “เกือบไม่ทันแล้วมั้ยล่ะเพราะแกคนเดียวเลยยัยพิมพ์”

                ไหงงั้น มันเพราะแกไม่ใช่หรอยะ ที่ลืมโทรศัพท์จนฉันต้องเหนื่อยไปด้วยเนี่ย แล้วมาว่าเป็นเพราะฉันอีก เพื่อนหนอเพื่อน แบบนี้สินะที่เข้าเรียกโยนขี้ เอ้ย! โยนกลองที่หมายถึงโยนความผิดให้คนอื่น

                 “นิว่าเราไปหาที่นั่งกันเถอะ อาจารย์พิทักษ์ขึ้นไปบนเวทีแล้ว”

                 พวกเราสามคนเลือกที่นั่งด้านหลังสุด ที่อยู่ด้านข้างริมสุดฝั่งซ้ายเพราะว่ามันออกง่ายดีจะได้ไม่ต้องเบียดคนอื่นมากเวลาออก 

                 ไฟของหอประชุมค่อยๆหรี่ลงเล็กน้อย ให้มีเพียงไฟบนเวทีเท่านั้นที่มีแสงเยอะกว่าจุดอื่นๆ

                “ฮัลโหล่ๆ หนึ่ง สอง สาม” อาจารย์พิทักษ์หัวหน้าคณะอาจารย์ของคณะมนุษยศาสตร์ทดสอบไมโครโฟนอยู่หลายนาทีกว่าจะเริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมขึ้น “สวัสดีนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ทุกคน วันนี้อาจารย์ได้ไปประชุมกับคณะอาจารย์ของมหาลัยทุกคนมา อย่างที่นักศึกษาทุกคนทราบว่าคณะของเราทุกปีจะมีการจัดทริปทัศนศึกษาเป็นเวลา 2 สัปดาห์สำหรับนักศึกษาปี 1 ซึ่งสถานที่ เดี๋ยวอาจารย์จะให้ประธานรุ่นปี 1  เป็นคนเล่ารายละเอียดแล้วกันนะ เชิญนายวาติพัฒน์  รัตนเวที ขึ้นมาบนเวทีครับ” 

                 ประธานรุ่นปี 1 ของเราขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับต่อสายเครื่องโปรเจกเตอร์เข้ากับแล็ปท็อปของเขา หน้าจอดิจิทัลสีขาวปรากฏออกเป็นรูปทะเล สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยมีตัวหนังสือทับด้านหน้าอีกทีหนึ่ง

    ทริป Huahin in the sky

    เที่ยว มันส์ กิน ช้อป

    จัดโดยคณะประธานรุ่นปี 1’

                 “สวัสดีครับเพื่อนๆปี 1 ทุกคน วันนี้ผมนายวาติพัฒน์ รัตนเวที หรือจะเรียกว่าวายุก็ได้นะครับ ตามที่ทุกคนทราบว่าทุกปีหลังจากสอบปลายภาคเสร็จแล้วเด็กปี 1 จะได้ออกทริปไปเที่ยวและทำกิจกรรมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกของพวกเรา ผมและคณะเลยขอจัดให้ทุกคนได้ไปเที่ยวพักผ่อนหลังสอบกับทะเลเพื่อคลายร้อนกันคร้าบบบ”

                 “เย้! นี่มันเยี่ยมไปเลย”

                 “หัวหินแหละแก”

                 “ทริปนี้สนุกแน่”

                 เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นหลังจากได้ฟังนายประธานรุ่นพูดเสร็จ

                “เอาล่ะครับ นี่ก็เป็นตารางกิจกรรมของเราที่จะต้องทำในตลอด 2 อาทิตย์ที่จะถึงนี้ ผมขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ล่ะครับ ขอบคุณครับ”

                หลังจากที่นายประธานรุ่นลงจากเวทีไป อาจารย์พิทักษ์ก็ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง

                 “ขอบคุณนายวาติพัฒน์นะ อ่ออาจารย์มีเรี่องจะบอกอีกเรื่องหนึ่ง ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะมีเด็กปี 1 จากคณะอื่นเข้ามาร่วมทริปกับเราด้วย นั่นก็คือคณะ...” อาจารย์พิทักษ์เว้นช่วงไว้เหมือนกับให้พวกเราตื่นเต้นกัน “...บริหาร”

                คณะบริหาร

                 เหมือนกับว่าคำๆนี้จะถูกฝังไว้ในหัวของทุกคน ความเงียบถูกเข้าปกคลุมทั่วทั้งหอประชุมจนได้ยินเสียงยุงบินไปบินมาเลยก็ว่าได้ (เงียบเกิ๊นนน) ก่อนที่สติทุกคนจะกลับมาพร้อมกับคำว่า

     

                 หาาา!!!

           

            

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น